Last Updated on พฤศจิกายน 12, 2024 by LinLin Coffee

กาแฟ Specialty คืออะไร?

กาแฟ Specialty คือกาแฟที่ได้รับการผลิตและคัดเลือกด้วยมาตรฐานสูงสุด เพื่อให้ได้เมล็ดที่มีคุณภาพพิเศษ แตกต่างจากกาแฟทั่วไปที่มักเน้นการผลิตในปริมาณมาก กาแฟ Specialty ถูกปลูกอย่างพิถีพิถันในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยส่วนใหญ่จะเป็นกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าที่ได้รับคะแนนคุณภาพตั้งแต่ 80 คะแนนขึ้นไปตามมาตรฐานของ Specialty Coffee Association (SCA) ซึ่งเน้นความละเอียดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การคั่ว ไปจนถึงการชง

วิธีการระบุกาแฟ Specialty

การระบุกาแฟ Specialty ไม่ใช่เพียงแค่การดูฉลาก แต่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ดังนี้:

  • แหล่งปลูกกาแฟ: กาแฟ Specialty มักมีแหล่งที่มาชัดเจน เช่น บราซิล เอธิโอเปีย หรือโคลอมเบีย โดยข้อมูลจะระบุภูมิภาคหรือตำบลที่เพาะปลูก ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีเอกลักษณ์ของกลิ่นและรสชาติแตกต่างกัน
  • ลักษณะของเมล็ดกาแฟ: มักเป็นกาแฟสายพันธุ์เดี่ยว (Single Origin) ที่ไม่ได้ผสมกับสายพันธุ์อื่น ทำให้รสชาติและกลิ่นหอมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแหล่งที่มานั้นๆ
  • กระบวนการผลิต: เมล็ดกาแฟ Specialty มักผ่านการคั่วอย่างพิถีพิถันในระดับที่เหมาะสมกับเมล็ดแต่ละชนิด โดยไม่คั่วจนไหม้หรือรุนแรงเกินไป เพื่อรักษากลิ่นและรสชาติที่เป็นธรรมชาติ
  • การประเมินรสชาติ: นักชิมกาแฟจะประเมินรสชาติตามมาตรฐาน SCA โดยเฉพาะลักษณะเฉพาะ เช่น กลิ่นผลไม้ ดอกไม้ หรือช็อกโกแลต

ขั้นตอนการผลิตกาแฟ Specialty

การผลิตกาแฟ Specialty มีหลายขั้นตอนที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ:

  1. การคัดเลือกเมล็ดกาแฟ: คัดเลือกเมล็ดจากฟาร์มที่ปลูกโดยเกษตรกรที่มีความเชี่ยวชาญ
  2. การคั่ว: คั่วอย่างระมัดระวังตามวิธีที่เหมาะสมกับเมล็ดแต่ละชนิด เพื่อรักษารสชาติที่ซับซ้อนและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
  3. การชง: กาแฟ Specialty มักชงด้วยวิธีเฉพาะตัว เช่น Pour-over, Aeropress หรือ French press เพื่อดึงเอาคุณสมบัติที่โดดเด่นของกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่

ความแตกต่างระหว่างกาแฟ Specialty และกาแฟเชิงพาณิชย์

กาแฟ Specialty และกาแฟเชิงพาณิชย์มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน:

  • คุณภาพของเมล็ด: กาแฟ Specialty มีคุณภาพสูงกว่า เน้นที่ความละเอียดอ่อนของรสชาติและกลิ่น ในขณะที่กาแฟเชิงพาณิชย์มักใช้เมล็ดคุณภาพปานกลางหรือ Robusta ที่มีราคาถูกกว่า
  • กระบวนการผลิต: กาแฟ Specialty ใช้กระบวนการที่พิถีพิถัน เน้นการปลูกและคัดเลือกในระดับสูง ส่วนกาแฟเชิงพาณิชย์มักเน้นผลิตในปริมาณมากและอาจไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดของรสชาติมากนัก
  • รสชาติและกลิ่น: กาแฟ Specialty มีรสชาติซับซ้อนและกลิ่นหอมชัดเจน เช่น กลิ่นดอกไม้หรือผลไม้ ขณะที่กาแฟเชิงพาณิชย์มักมีรสชาติขมเข้มและไม่มีความซับซ้อนในกลิ่นและรสชาติ

โรงคั่วกาแฟที่ดีควรเลือกอย่างไร?

หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์กาแฟ Specialty ควรเลือกโรงคั่วที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพจากทั่วโลก โรงคั่วที่ดีจะนำเสนอเมล็ดกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีการคั่วอย่างพิถีพิถัน

กาแฟสกัดเย็น ร้านไหนอร่อย?

กาแฟสกัดเย็น (Cold Brew) เป็นอีกหนึ่งวิธีการชงที่ช่วยดึงรสชาติและกลิ่นออกมาได้อย่างเข้มข้น ร้านที่ดีมักใช้กาแฟ Specialty คุณภาพสูงสำหรับกาแฟสกัดเย็น ทำให้รสชาติหวานและนุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์

ความแตกต่างระหว่างคาเฟ่และคอฟฟี่ช็อป

คาเฟ่และคอฟฟี่ช็อปมีจุดมุ่งหมายและบรรยากาศที่ต่างกัน:

  • คาเฟ่: มักเน้นบรรยากาศสบายๆ สำหรับการนั่งพักผ่อน และมีอาหารว่างหรือขนมเสิร์ฟควบคู่
  • คอฟฟี่ช็อป: เน้นการให้บริการกาแฟเป็นหลัก โดยร้านกาแฟที่ดีทั้งสองแบบมักมีกาแฟ Specialty คุณภาพสูงให้เลือก

สรุป

กาแฟ Specialty คือทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์กาแฟในระดับใหม่ เต็มไปด้วยรสชาติและกลิ่นหอมที่ไม่เหมือนใคร สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟคุณภาพ การเลือกกาแฟ Specialty จะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติที่หลากหลายและน่าประทับใจ

ทุกเรื่องเกี่ยวกับกาแฟแอฟริกัน