ชงแบบไซฟอน Syphon เป็นเครื่องชงสูญญากาศ

ในขั้นตอนสุดท้ายเมื่อยก Vacuum Pot ออกจากอุปกรณ์ให้ความร้อน เมื่อไอเย็นลง มันจะควบแน่นกลายเป็นน้ำ และทำให้เกิดสุญญากาศ ที่จะดูดเอากาแฟจากโถบน ผ่านตัวกรองลงสู่โถล่าง โดยกากกาแฟจะติดอยู่ในส่วนบนของ สูญญากาศ และคุณสามารถเทกาแฟจากโถล่างลงในแก้วได้เลย ขั้นตอนทั้งหมดนั้นใช้หลักฟิสิกส์ ที่มักพูดถึงในการทดลองในห้องเรียน แต่การชงแบบนี้ค่อนข้างยากหน่อย และทำให้คนส่วนใหญ่ยอมแพ้หลังจากชงไปได้เพียง 2-3 ครั้ง

อุปกรณ์เพิ่มเติม (เตาไซฟ่อน)

เตาไซฟ่อน
เตาไซฟ่อน

วิธีชงแบบนี้ ต้องการอุปกรณ์ให้ความร้อนแยกต่างหาก โดย Vacuum Pot บางรุ่น ถูกออกแบบมาให้ใช้กับเตาในครัว ส่วนบางรุ่นก็มาพร้อมกับตะเกียงแอลกอฮอล์ ซึ่งหากจะให้ดี ก็ควรหาซื้อเตาบิวเทนขนาดเล็ก มาเปลี่ยนแทนตะเกียงแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ หลอดไฟฮาโลเจน ยังเป็นอุปกรณ์ให้ความร้อนที่ได้รับความนิยมมาก ในญี่ปุ่น และสำหรับร้านกาแฟ ชนิดพิเศษ หลอดไฟฮาโลเจน ไม่ได้เป็นอุปกรณ์ให้ความร้อนที่มีประสิทธิภาพที่สุด แต่มันก็ดูสวยงามมากเลยทีเดียว บางคนใช้ไม้ไผ่ เพื่อคนกาแฟ แต่มันก็ไม่ได้พิเศษไปกว่าการคนด้วยช้อนเลย แม้อุปกรณ์พิเศษในการชง จะช่วยเพิ่มอรรถรสให้แก่ช่วงเวลาชง แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่า มันช่วยสร้างความแตกต่างให้กับตัวกาแฟตรงไหน

เครื่อง ชง กาแฟ แก้ว: ตัวกรอง

เครื่อง ชง กาแฟ แก้ว
เครื่อง ชง กาแฟ แก้ว

Vacuum Pot แบบดั้งเดิม ส่วนใหญ่จะใช้ผ้ากรองที่คลุมรอบจานโลหะ การรักษาให้ผ้าสะอาดอยู่เสมอนั้นสำคัญมาก ซึ่งคุณต้องทำความสะอาดผ้าด้วยน้ำร้อนให้สะอาดเท่าที่จะทำได้ และหากคุณจะยังไม่ใช้มันภายใน 2-3 วัน ก็ควรทำความสะอาดด้วยผง หรือ น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีตัวกรองอื่นให้เลือก เช่น กระดาษและโลหะ แต่ตัวกรองเหล่านี้ต้องอุปกรณ์เชื่อมพิเศษเพื่อใช้มัน
* Vacuum Pot เป็นวิธีชงกาแฟแบบแช่ที่ซับซ้อน โดยไอน้ำ จะดันน้ำจากโถล่างขึ้นไปโถบน เพื่อแช่กาแฟบดที่อยู่ในโถบน แล้วไอน้ำ ก็จะควบแน่น แล้วดูดเอาน้ำกาแฟลงมาที่โถล่าง

วิธีชงด้วย VACUUM POT (เครื่องชงกาแฟไซฟอน Hario)

เครื่องชงกาแฟไซฟอน Hario
เครื่องชงกาแฟไซฟอน Hario

อัตราส่วน: 75 กรัมต่อลิตร บางคนชอบใช้กาแฟมากกว่านี้ โดยเฉพาะในญี่ปุ่น จะนิยมใช้วิธีชงนี้
ระดับการบด: ระดับกลาง/ น้ำตาลทราย เนื่องจากนี่เป็นวิธีชงแบบแช่ คุณสามารถปรับระยะเวลาการชงให้เหมาะกับระดับการบด แนะนำให้ระวังกาแฟที่บดละเอียดเกินไป เพราะมันจะทำให้ขั้นตอนดูดน้ำ กลับไปตอนท้ายค้างได้ ในอีกมุมหนึ่ง หากบดกาแฟหยาบไป คุณต้องใช้ระยะการชงนานขึ้น และตั้งเตานานขึ้น ซึ่งจะทำให้กาแฟขมได้

  1. บดกาแฟก่อนที่คุณจะชง และอย่าลืมชั่งกาแฟก่อนด้วย
  2. ต้มน้ำสะอาดที่มีปริมาณแร่ธาตุน้อย และเหมาะสำหรับชงกาแฟ
  3. ใส่ตัวกรองเข้าไปในโถบน และดูให้แน่ใจว่า โถบนไม่มีน้ำค้างอยู่
  4. วางโถล่างลงบนตาชั่งดิจิตอล แล้วเทน้ำร้อนในปริมาณที่คำนวณไว้ลงในโถ
  5. ยกโถด้วยด้ามจับ แล้วย้ายโถล่างไปอยู่บนอุปกรณ์ให้ความร้อน (เตาบิวเทนขนาดเล็ก ตะเกียงแอลกอฮอล์ หรือ หลอดไฟฮาโลเจน)
  6. วางโถบนลงด้านบน แต่อย่าเพิ่งผนึกมัน เพราะน้ำจะถูกดันขึ้นมาก่อน ที่มันจะมีอุณหภูมิเหมาะสม หากคุณผนึกไวไป จะทำให้กาแฟมีรสแย่
  7. เมื่อน้ำเริ่มเดือด ผนึกโถบนเข้ากับโถล่าง หากคุณใช้อุปกรณ์ให้ความร้อน ที่ปรับความร้อนได้ ให้ลดความร้อนลงเป็นระดับต่ำ ในจุดนี้ น้ำจะเริ่มดันขึ้นมาที่โถบน ดูให้แน่ใจว่าตัวกรองนั้น อยู่ตรงกลางพอดี ซึ่งหากมันเบี้ยว คุณจะเห็นฟองอากาศผุดขึ้นด้านใดด้านหนึ่ง ให้ใช้พายหรือช้อน ดันตัวกรองกลับเข้าที่อย่างระมัดระวัง
  8. น้ำในโถ จะมีฟองเยอะและฟองใหญ่ในช่วงแรกๆ ซึ่งเมื่อฟองเหล่านี้เล็กลง ก็ถึงเวลาชงแล้ว เติมกาแฟบดลงไป แล้วคนจนกาแฟทั้งหมดเปียก แล้วเริ่มจับเวลาได้
  9. กาแฟ จะเกาะกันเป็นแผ่นด้านบน เมื่อชงได้ 30 วินาที ใช้ช้อนคนกาแฟ เพื่อให้กาแฟที่ลอยอยู่ กลังลงไปในน้ำ
  10. ให้ปิดอุปกรณ์ให้ความร้อน เมื่อเวลาผ่านไป 30 วินาที และเมื่อกาแฟเริ่มถูกดูดกลับลงไปในโถล่าง ให้คนกาแฟเบาๆ ตามเข็มนาฬิกาหนึ่งครั้ง และทวนเข็มนาฬิกาหนึ่งครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้กาแฟติดผนังเครื่องชง หากคุณคนมากไป คุณจะเห็นกากกาแฟเกาะกันเป็นโดมขนาดใหญ่ในตอนท้าย ซึ่งเป็นสัญญาณว่า กาแฟที่คุณชงนั้น สกัดได้ไม่สม่ำเสมอกัน
  11. ปล่อยให้กาแฟถูกดูดลงไปจนหมด กากกาแฟจะเกาะกันเป็นโดมเล็กๆ เหลือบนโถบน จากนั้นให้เทกาแฟในโถล่าง ลงในโถกาแฟอื่น เพราะความร้อนที่หลงเหลืออยู่ในโถล่าง อาจทำให้กาแฟมีรสสุกได้
  12. ปล่อยให้กาแฟเย็นลงเล็กน้อย เพราะวิธีชงวิธีนี้ ชงกาแฟได้ร้อนมาก

เครื่อง ทำ กาแฟ สด สูญ ญา กา ศ: วีดีโอ

Moka Pot ให้เป็นกาแฟที่แสนอร่อย